Double Bind
สมัยก่อนจำได้ว่าไปกินข้าวแถวๆท่าพระจันทร์ พอสั่งข้าวเสร็จลุงเจ้าของร้านที่เป็นคนรับออเดอร์ก็ยิงคำถามมาว่า "ชาดำเย็นหรือโค้กครับ" ยิงมาแบบนี้ จะหาคนรอดตายตอบว่าน้ำแข็งเปล่าได้นั้นคงจะมีไม่เยอะนัก กลยุทธการเพิ่มยอดของลุงแกที่ว่านี้ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Double Bind ใน NLP ซึ่งปรากฏอยู่ทั้่งใน Meta Model และ Milton Modelคำว่า Double Bind นั้นหมายถึงการที่เรากำลังถูกบีบบังคับด้วยทางเลือกเพียง 2 ทาง ซึ่งทำให้เราต้องเลือกอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยความจำยอม ซึ่ง NLP มองว่าโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นสัญญาณของปัญหา
วอจิเนีย ซเทียร์ ปรมาจารย์นักครอบครัวบำบัดผู้เป็นหนึ่งในโมเดลที่สำคัญของ NLP กล่าวว่า มันจะดีเสมอถ้าเรามีทางเลือกมากกว่าสองขึ้นไป การมีแค่สองหรือน้อยกว่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่าปัญหา
ในจิตใจของเราก็เช่นกัน บ่อยครั้งที่เราปล่อยให้เกิดสภาวะ Double Bind ขึ้น คือกำหนดทางเลือกเอาไว้แค่สองทางอย่างตายตัว ไม่สามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นไปสู่ทางเลือกที่สามได้ ซึ่งมันจะแสดงออกมาในรูปของคำพูดที่ใช้กล่าวถึงปัญหาบางอย่าง เช่น
"ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น ฉันก็ต้องแย่" คือมีแค่สองทางระหว่างทำอย่างนั้นกับแย่ ไม่มีอย่างนู้น อย่างโน้น อย่างนี้หรืออย่างไหนให้เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมอีก
ใน Meta Model ของ NLP แนะนำให้ทำลายความเป็น Double Bind ในใจทิ้งไปด้วยคำถามที่กระตุ้นเตือนให้รู้ว่ามันไม่จำเป็นจะต้องมีแค่สองทาง ทางอื่นๆ ก็มีได้ถ้ายอมยืดหยุ่นเสียหน่อย เมื่อสภาวะ Double Bind ถูกทำลายไป ปัญหาความยุ่งยากในใจก็ถูกคลี่คลายตามไปด้วย
ส่วน Milton Model ของ NLP นั้นทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะบ่อยครั้งในภาวะการสะกดจิต(Hypnosis) นักสะกดจิตจะใช้ถ้อยคำในลักษณะที่เป็น Double Bind เพื่อบีบให้ผู้รับการสะกดจิตยอมจำนนต่อตัวเลือกที่พวกเขาสร้างขึ้นน ซึ่งไม่ว่าจะเลือกอันไหนก็เข้าทางทั้งนั้น
ไม่ต่างอะไรจากคุณลุงเจ้าของนั้นเลย
ศูนย์ให้คำปรึกษาและสะกดจิตบำบัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น