Switch หมายถึงการสลับสับเปลี่ยน สำรับ NLP แล้วเป็นเทคนิคแบบหนึ่งที่ใช้ในการปรับเปลี่ยนสภาพอารมณ์ ความรู้สึก ตลอดจนทัศนะคติที่มีอยู่ในใจของบุคคล โดยจะค่อยๆ สร้างการเรียนรู้หรือประสบการณ์ใหม่เข้าไปแทนที่ประสบการณ์หรือสิ่งที่เรียนรู้เดิม
ทำอย่างไร
เมื่อจะทำ Switch นัก NLP จะใช้คำพูดโน้มน้าวให้เกิดความรู้สึกภายใน (Vi, Ai, Ki) ถึงบุลคลิกภาพหรือเรื่องราวของตัวเองที่เป็นต้นตอของปัญหา เช่น
- “ให้มองเห็นภาพตัวเองที่นั่งเหงาอยู่กลางห้องที่มืดสนิทโดยมีแต่แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆ เหนือหัวของคุณส่องลงมา”
ป๊อก (เสียงดีดนิ้ว)
- “ทันใดนั้นภาพก็สลับ (Switch) ไปที่ห้องในงานเลี้ยงที่มีแสงไฟระยิบระยับ มีเสียงดนตรี เสียหัวเราะ มองเห็นตัวเองในชุดที่สง่างามมองเห็นผู้ต่างๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาห้อมล้อมด้วยความชื่นชม”
ป๊อก (เสียงดีดนิ้ว)
- “ภาพตัดกลับมาที่กลางห้องที่มืดสนิทที่มีแต่แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆ เหนือหัวของคุณ แต่คราวนี้เป็นภาพแบบขาวดำ มองเห็นตัวเองที่นั่งเหงาอยู่กลางห้องโดยที่มันเป็นภาพขาวดำ”
ป๊อก (เสียงดีดนิ้ว)
- “ทันใดนั้นภาพก็สลับ (Switch) ไปที่ห้องในงานเลี้ยงที่มีแสงไฟระยิบระยับ มีเสียงดนตรี เสียหัวเราะ มองเห็นตัวเองในชุดที่สง่างามมองเห็นผู้ต่างๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาห้อมล้อมด้วยความชื่นชม”
ป๊อก (เสียงดีดนิ้ว)
- “ภาพตัดกลับมาที่ภาพขาวดำ ในกลางห้องที่มืดสนิทที่มีแต่แสงไฟจากโคมไฟเล็กๆ คราวนี้ภาพเบลอมากจนคุณเห็นภาพไม่ค่อยชัดเจน มองเห็นตัวเองที่นั่งเหงาอยู่กลางห้องเป็นภาพเบลอๆ มองไม่ชัด”
ป๊อก (เสียงดีดนิ้ว)
- “ทันใดนั้นภาพก็สลับ (Switch) ไปที่ห้องในงานเลี้ยงที่มีแสงไฟระยิบระยับ มีเสียงดนตรี เสียหัวเราะ มองเห็นตัวเองในชุดที่สง่างามมองเห็นผู้ต่างๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาห้อมล้อมด้วยความชื่นชม”
ในตัวอย่างนี้ภาพภายในที่เป็นตัวต้นตอของปัญหาค่อยๆถูกทำให้หมดความสำคัญลงโดยการเปลี่ยนแปลง Submodality (จากสีก็เปลี่ยนเป็นขาวดำ จากขาวดำก็เปลี่ยนเป็นเบลอ) ของมันทุกๆ ครั้งที่ถูกสลับกับภายภายในใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้จิตใต้สำนึกเรียนรู้บุคลิกภาพใหม่ๆ เรียนรู้สภาพอารมณ์ใหม่ๆ ซึ่งจะค่อยๆ เข้าไปแทนที่ภาพภายในเดิมที่เป็นตัวต้นตอของปัญหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น