วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตในสองมิติ

เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มี2มิติ คือมิติของความ “สัมพันธ์” ซึ่งเป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ความเป็นครอบครัว ความให้และรับโดยปราศจากการหวังผลประโยชน์ซึ่งหน้า ความมีน้ำใจ ความยึดหยุ่นผ่อนคลายซึ่งมีให้ต่อกัน และอีกมิติหนึ่งเรียกว่ามิติของ “ผลประโยชน์” ซึ่งเป็นเรื่องของกำไรขาดทุน ความคุ้มค่า ผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ การเปรียบเทียบ ความชัดเจนแน่นอน






ผมคงไม่บอกหรอกครับว่าเจ้า2มิติที่ว่านี้อะไรมันดีกว่าอะไรหรืออะไรมันดีอะไรมันเลย เพราะทั้งโลกทั้ง2มิติที่ว่านี้มันเกิดมาจากความสามารถของสมองทั้ง2ซีกของเรานี่แหละ มันทำให้มนุษย์เป็นในสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์นี่แหละ

อย่าลืมว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม จะริเป็นสัตวังคมอย่างนี้มากี่แสนกี่ล้านปีแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือตอนนี้มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราอยู่รวมกันเป็นสังคมเล็กที่ซ้อนอยู่ในสังคมใหญ่อย่างสลับซับซ้อน และดูท่าว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นไปอีกนานเลยทีเดียว

ดังนั้นในบางขณะเราจึงจำเป็นต้องอยู่ในมิติของผลประโยชน์ เราจำเป็นต้องรู้ว่าเงินจำนวนหนึ่งร้อยบาทที่เรามีอยู่ในกระเป๋าสามารถนำใช้ทำอะไรได้อย่างคุ้มค่าหรือทำแบบไหนจึงเรียกว่าไม่คุ้มค่า มิติแห่งผลประโยชน์มันทำให้เราสามารถอยู่รอดในสังคมได้ และในบางขณะเราจึงกลับมาอยู่ในมิติของความสัมพันธ์ เราจำเป็นต้องช่วยหรือผู้อื่นอย่างมีน้ำใจ เราจำเป็นต้องมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันซึ่งเป็นเรื่องที่หลุดพ้นออกไปจากความคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้สังคมที่เราอาศัยสามารถดำรงต่อไปได้

ถูกแล้วครับ มิติทั้งสองนี้มันถูกสลับสับเปลี่ยนกันไปในชีวิตของเราอยู่ตลอดเวลา บางครั้งคุณอาจจะเรียกร้องผลต่อแทนที่คุ้มค่าเมื่อคุณลงมือทำบางสิ่ง และในบางครั้งคุณก็ทำในหลายๆ สิ่งโดยไม่มีเรื่องความคุ้มค้ามีเจือปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ชีวิตเราและสังคมของเราสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างสงบสุข

สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ เมื่อใดก็ตามที่มิติทั้งสองในชีวิตของคุณนี้มันเริ่มถล่มตัวเข้ามาผสมปนเปกันแล้วล่ะก็ ปัญหาที่ร้ายกาจบางอย่างจะตามมาอย่างแน่นอนครับ

ลองนึกถึงคนตาบอดที่ต้องจ่ายเงิน20บาทให้กับทุกคนที่เขาไปขอให้ช่วยพาข้ามถนน ลูกค้าที่ตีซี้แล้วเรียกร้องขอบริการฟรีๆ จากเจ้าของกิจการ หรือแม่ที่เขียนบิลเก็บเงินไปเรียกเก็บเงินค่าเลี้ยงดูจากลูกสาวที่เพิ่งได้งานทำ นี่มันเป็นเรื่องที่บ้าบอชัดๆ
เอาล่ะ โดยสรุปก็คือคุณไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในมิติไหนเพียงมิติเดียวได้หรอก และทั้ง2มิติในชีวิตมันก็ควรมาปนกันมั่วด้วย หลักการมันก็ง่ายๆ แค่นั้นเอง ดังนั้นสุดท้ายนี้ คำถามของผมก็คือว่า
“ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในมิติใหนเหรอครับ?”

ผมหวังว่าในทุกๆ เรื่องราว ทุกๆ ช่วงจังหวะชีวิตของคุณ คุณจะสามารถแยกแยะและรู้ได้ว่าตอนนี้ชีวิตของคุณกำลังอยู่ในมิติไหนกันแน่ และเมื่อคุณรู้แล้วก็จงทำมันให้ดีที่สุดโดยไม่เอาอีกมิติหนึ่งเข้ามาปะปน เพียงเท่านี้ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ



ศูนย์ให้คำปรึกษาและสะกดจิตบำบัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น