เมื่อจิตใจของเด็กโดนพ่อแม่โยนบาปทางอารมณ์ใส่มาให้ นานวันเข้าจิตใจน้อย ๆ นี้ก็ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป จนกระทั่งเด็กต้องปลีกวิเวกตัวเองออกห่างจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการปลีกวิเวกทางร่างกาย เช่น ออกไปอยู่หอ หรือ ปลิกวิเวกทางจิตใจ เช่น ไม่พูดกับพ่อแม่ การกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบุคคลต้องการที่จะลดปริมาณความอึดอัดที่ตนรู้สึกยามที่ต้องเผชิญหน้ากับครอบครัวลง ความสัมพันธ์ภายนอกอาจจะดูเหมือนกับว่าดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงปัญหานั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขและก็ยังคงปรากฏอยู่ในใจต่อไป
การตัดขาดทางอารมณ์เป็นการหนีจากการผูกพันทางอารมณ์ด้านลบที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เป็นการหลีกหนี ไม่ยอมรับความขัดแย้งในใจ ไม่ได้รับการเอาใจใส่ จนกระทั่งสมาชิกครอบครัวคนนั้นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงต้องหาทางออกโดยเริ่มจากการห่างเหินทางอารมณ์ ไม่คุยกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว ปลีกตัวเองออกจากครอบครัว เช่น ย้ายออกจากบ้าน จนกระทั่งขาดการติดต่อกับครอบครัว
ยิ่งการตัดขาดทางอารมณ์ที่บุคคลมีต่อครอบครัวมีมากเท่าไหร่ บุคคลคนนั้นก็ยิ่งมีเปอร์เซนต์ที่จะนำความสัมพันธ์ในชีวิตจริงของเขาไปเสี่ยงมากเท่านั้น เนื่องจากเขาต้องการการชดเชยทางอารมณ์ที่เขาตัดขาดจากครอบครัว เขาจึงต้องคอยพึ่งพาและแสวงหาจากคู่ของตน ลูก หรือเพื่อน ๆ ของเขาแทน ในความเป็นจริงแล้วคนทุกคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีการตัดขาดทางอารมณ์กับครอบครัวของตนทั้งสิ้น แต่ผู้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองและรู้จักตัวเองดีจะสามารถหาทางออกให้กับตนเองได้ดีกว่าผู้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองต่ำ
การตัดขาดทางอารมณ์นี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในรุ่นต่อ ๆ ไป นอกจากนี้ยิ่งความรุนแรงของการตัดขาดทางอารมณ์ในอดีตมีมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ชีวิตแต่งงานมีปัญหาได้มากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น