วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

Karen Horney: การบำบัดจิต

คนที่เป็นโรคประสาทจะรู้สึกแปลกแยกจากตัวเองและผู้อื่น พวกเขายอมรับเอกลักษณ์จากตัวเองในอุดมคติและกลายเป็นคนเสแสร้ง ซึ่งไม่ต้องการให้ใครรู้ความลับว่าตัวเองมีข้อจำกัดอะไรบ้าง ฮอร์ไนมีความเชื่อว่าวิถีทางเดียวที่คนเป็นโรคประสาทจะตระหนักในศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง ต้องขจัดการหลอกตัวเองว่าตนแน่และขจัดเป้าหมายหลอกๆ กระบวนการขจัดอุปสรรคต่อการพัฒนาเป็นหนทางที่ยาวนานและยากลำบาก ทั้งนี้เพราะคนไข้ตั้งเป้าที่จะปกป้องโลกมายาของเขา ในขณะที่บำบัดทางจิตก็ต้องพยายามขจัดตัวตนในอุดมคติ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตัวตนที่แท้จริง




สำหรับฮอร์นาย การบำบัดจิตเป็นเรื่องของมนุษยสัมพันธ์ และอุปสรรคทั้งหลายที่คนไข้มีอยู่เกิดจากการมีสัมพันธ์กับผู้บำบัดจิต คนไข้อาจจะเถียงเก่ง พูดจาถางถากหรือชอบจู่โจมด้วยคำพูด พวกเขาอาจจะเลี่ยงไปเลี่ยงมา ปฎิเสธที่จะพูดถึงเรื่องหรือพูดแบบซังกะตาย ไร้อารมณ์เกี่ยวกับปัญหาของตัวเอง ทำเหมือนกับว่าปัญหาไม่สำคัญ พวกเขาอาจแสดงความโกธรและทำท่าก้าวร้าวใส่ผู้บำบัดจิต แต่ทว่าพฤติกรรมเหล่านี้กลายเป็นสิ่งชี้ทางให้ มีผู้บำบัดได้รู้ว่า คนไข้เป็นอะไร มีความขัดแย้งอะไรอยู่ในใจ ส่วนคนไข้มักจะรู้สึกกลัวเมื่อถูกถามจนเกิดความร้อนรนใจมาพอสมควร สำหรับคนไข้ความร้อนรนดังกล่าวสร้างความปวดร้าวมาก แต่ผู้บำบัดจิตมันอาจมีความหมายเชิงบวก เพราะอาจจะชี้บ่งว่า ขณะนี้คนไข้แข็งแรงพอที่จะได้รับการบำบัดแล้ว พร้อมที่จะเชิญปัญหาโดยตรง ตามความคิดของฮอร์นาย การซักไซ้ของผู้บำบัดจะทำให้คนไข้ตระหนักในปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่ในตัวเอง เธอเชื่อว่าการรู้จักตัวเองดังกล่าวมิควรเป็นเพียงความคิดเท่านั้น แต่มันควรเป็นประสบการณ์ทางความรู้สึกด้วย ในความคิดเห็นของเธอ การรับรู้ทางปัญญามีความสำคัญแต่มันจะไม่พอที่จะจูงใจคนไข้ให้เปลี่ยนแปลง เว้นเสียแต่ว่าคนไข้จะรู้สึกถึงความรุนแรงของพลังไร้สำนึกที่มีอยู่ในตัวเขาเท่านั้น เขาจึงจะถูกจูงใจ ให้ขจัดความเพ้อฝันได้

ทันทีที่คนไข้เลิกเพ้อฝัน นักบำบัดจิตจะช่วยให้เขาตัวตนที่แท้จริงให้ได้ ด้วยวิธีระบายอย่างอิสระ และการวิเคราะห์ความฝัน ตัวตนที่แท้จริงก็อาจจะปรากฏออกมา คนไข้จะได้รับการเสริมแรง ถ้ามีวี่แววว่าจะมีองความคิดอิสระ เริ่มรู้จักรับผิดชอบตัวเองและเริ่มสนใจความจริงเกี่ยวกับตัวเอง นอกจากนี้พวกเขายังได้รับการส่งเสริมให้หาเอกลักษณ์ของตัวเองด้วยวิธีการวิเคราะห์ตัวเองเวลาอยู่นอกห้องบำบัด สัญญาณการพัฒนาเหล่านี้มีความสำคัญและมีผลทางบวกต่อคนไข้ ทำให้คนไข้รู้สึกได้บรรลุผล ซึ่งเป็นการบรรลุผลที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คนไข้ยิ่งพยายามมากขึ้นเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าสู่การตระหนักตัวเองมากขึ้น พอพวกเขาได้พัฒนา พวกเขาจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีปัญหาอีกมากมายมีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่มีปัญหา พวกเขาจะเริ่มสัมพันธ์กับผู้อื่น กับครอบครัว กับชุมชน กับชาติ และกับโลก พวกเขาจะยอมรับผิดชอบมากขึ้น ไม่เพียงแต่ตัวเองแต่รับผิดชอบกับคนอื่นด้วย พวกเขาจะพบความมั่นคงทางใจ ซึ่งเกิดจากความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและโลก และได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมที่ได้เสียสละอย่างเต็มใจ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น