วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

นาทีทอง

สำหรับนักสะกดจิตแล้ว เราทราบกันดีว่าหัวใจที่สำคัญที่สุดของการสะกดจิตหรือการสั่งจิตนั้นก็คำว่า "ผ่อนคลาย" มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถทำการสะกดจิตหรือบรรจุข้อมูลใดๆเข้าไปในจิตใต้สำนึกของใครซักคน ถ้าเราไม่ได้ทำให้คนๆนั้นเกิดสภาพวะที่ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเสียก่อน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นทราบหรือไม่ครับ


เหตุผลของมันนั้นเราจะต้องมาทำความรู้จักกับการทำงานของสมองของเรากันก่อนครับ เราจะแบ่งระดับการทำงานของสมองของเราด้วยระดับความถี่ของคลื่นสมอง โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งคลื่นการทำงานของสมองเราออกเป็นสี่รัดับครับ โดยเริ่มจาก เดลต้า อัลฟ่า เธต้า และเดลต้า

• คลื่นเบต้า (Beta brainwave) มีความถี่ประมาณ 14-21 รอบต่อวินาที (Hz) เป็นช่วงคลื่นสมองที่เร็วที่สุด เกิดขึ้นในขณะที่สมองอยู่ในภาวะของการทำงานที่ตื่นตัวซึ่งก็คือช่วงเวลาปรกติในชีวิตประจำวันของเรานี่เองครับ สำรับคนที่เครียดมากๆ สมองทำงานหนักๆ ความถี่ของคลื่นสมองอาจจะสูงไปถึง 40 รอบต่อวินาทีก็อาจจะเป็นได้ครับ

• คลื่นอัลฟ่า (Alpha brainwave) มีความถี่ประมาณ 7-14 รอบต่อวินาที (Hz) คลื่นสมองแบบนี้อยู่คนที่มีความสุข อยู่ในสภาวะที่สบายๆ ผ่อนคลายจากสิ่งเร้าภายนอก หรือคนที่กำลังอยู่ในสภาวะสมาธิ สาเหตุที่ความถี่ของสมองน้อยลงก็เพราะการทำงานของสมองน้อยลง (ช้าลง) นั่นเองครับ ดังนั้นความคิดอ่านในช่วงนี้จึงเป็นอย่างช้าๆแต่เฉียบคม จัดว่าเป็นช่วงที่สมองทำงานน้อยที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดก็ว่าได้ครับ

• คลื่นเธต้า (Theta brainwaves) มีคลื่นความถี่ประมาณ 4 - 11 รอบต่อวินาที (Hz) เป็นช่วงที่คลื่นสมองทำงานช้าลงมาก ปรกติจะพบในช่วงเวลาที่เราหลับสนิท หรือมีความผ่อนคลายอย่างสูง หรือสภาวะการทำสมาธิในระดับลึก

• คลื่นเดลต้า (Delta brainwaves) มีความถี่ประมาณ 0 – 4 รอบต่อวินาที(Hz) นี่เป็นช่วงที่คลื่นสมองทำงานช้าที่สุด สภาวะนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราอยู่ในระดับความผ่อนคลายที่สูงมาก เช่นการหลับลึก หรือการทำสมาธิเข้าภวังค์ในระดับที่ลึกมากๆ

สำหรับการสะกดจิตนั้นจะอาศัยช่วงจังหวะที่สมองของผู้รับการสะกดจิตอยู่ในระดับความถี่ตั้งแต่อัลฟ่าขึ้นไปครับ (โดยทั่วไปก็วนเวียนอยู่ในระดับอัลฟ่านี่แหละครับ) ทั้งนี้ก็เพราะว่าการทำงานในระดับนี้สมองจะทำงานน้อยลงครับ ในแง่ของสมองส่วน Output นั้นมันจะจะช่วยให้ความคิดความอ่านของเราสุขุมแหลมคมขึ้น ในขณะที่สมองส่วน Input นั้นการทำงานงานในส่วนของตัวคัดกรองของจิตสำนึกทำงานน้อยลง สภาวะนี้เราเรียกว่า "สภาวะจิตใต้สำนึกเปิดรับข้อมูล" ซึ่งมันเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการสะกดจิตของเรา
ปัญหาก็คือเราจะทำให้ให้สมองของผู้รับเข้าสู่สภาวะอัลฟ่าได้อย่างไร คำตอบนี้อยู่ที่ว่าในสภาวะแบบใดที่สมองของเราจะอยู่ในสภาวะอัลฟ่า
เราพบว่ารูปแบบของคลื่นอัลฟ่านี้จะปรากฏขึ้นก็เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย (กล้ามเนื้อส่วนต่างๆผ่อนคลาย) นอกจากนี้ก็ยังปรากฏในช่วงเวลาที่เราง่วงนอน ก่อนหลับหรือหลับใหม่ๆ เวลาทำเราอะไรเพลินๆ จนลืมสิ่งรอบตัว ช่วงเวลาที่เรามีความสบายใจ ช่วงเวลาที่เราอ่านหนังสือหรือจดจ่อกับกิจกรรมใด ๆ อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง รวมถึงการเข้าสมาธิในระดับภวังค์ที่ไม่ลึกมากด้วยครับ
นั่นหมายความว่าถ้าคุณอยากจะสั่งจิตใต้สำนึกของใครสักคนล่ะก็ ช่วงเวลาเหล่านี้ถือว่าเป็นนาทีทองเลยครับ ยิ่งถ้ามีการฝึกใช้โทนเสียงโมโนโทน และการใช้เทคนิคเสริมความไว้ใจอย่างพวกเทคกระจกเงาอย่างชำนานแล้วล่ะก็ ผลของมันก็จะยิ่งมีสูงมากทีเดียวครับ

สำหรับการสะกดจิตแบบสไตล์ดั้งเดิม (Old School Style Hypnosis) นั้นเราจะอาศัยคำพูดชักนำโน้มน้าวให้ผู้รับการสะกดจิตเกิดการผ่อนคลายโดยตรงเลยครับ เช่นนับ 20 ไปถึง 1 แล้วให้ร่างกายแต่ละส่วนผ่อนคลายอย่างเป็นระบบ โดยอาจจะใช้การจินตนาการถึงบางอย่าง (เช่นเดินลงบันได เปิดบานประตู หรือนอนเล่นในเปลญวณ) ประกอบไปด้วย วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีเยี่ยมครับ ใช้กันมาตั้งเป็นร้อยปีก็ได้ผลดีมาโดยตลอด แต่ปัญหาของมันก็คือความมากด้วยพิธีรีตรองของมันนั่นเอง กว่าจะให้ผ่อนคลายจนครบกระบวนการได้เสียเวลานานพอสมควรทีเดียว อีกทั้งสภาพแวดล้อมรอบๆก็ต้องเป็นใจอีกด้วย แต่สำหรับการสะกดจิตสมัยใหม่ (Modern Style Hypnosis) นั้นต่างออกไปครับ เนื่องจากสภาพแวดล้อมและเวลาอาจจะไม่อำนวย ดังนั้นจึงมีการพัฒนาเทคนิคการสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้รับการสะกดจิตที่รวบรัดรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่นการใช้คำพูดชวนคุยให้เกิดความผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว การใช่ถ้อยคำที่เป็นคำสั่งชัดเจน เทคนิคการใช้ภาษากาย รวบไปถึงกลวิธีทางจิตวิทยาต่างๆอีกหลายวิธีการ นี่ก็เพื่อสร้างเงื่อนไขบังคับให้ผู้รับการสะกดจิตสามารถเกิดสภาวะความผ่อนคลายโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดเทคนิคการสะจิตอย่างรวดเร็ว (Rapid Hypnosis) ซึ่งอาศัยเวลาในการสะกดจิตเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ในชีวิตประจำวันนั้นมันก็เหมือนกับการสะกดจิตสมัยใหม่ครับ ในเมื่อเราไม่สามารถสร้างความผ่อนคลายโดยตรงอย่างมีขั้นตอนและพิธีรีตรองที่สมบูรณ์ได้เหมือนอย่างสไตล์ดั้งเดิมเขาทำกัน (ผมคิดว่าไม่น่าจะมีคู่เจรจาทางธุรกิจของเราคนไหนยอมให้เรามานั่งสะกดจิตก่อนการเจรจาหรอกนะครับ) เราก็ต้องสร้างเงื่อนไขบางอย่างขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดสภาวะความผ่อนคลายโดยอัตโนมัติครับ
ดังนั้นสำหรับการประชุมหรือการเจรจาธุรกิจครั้งหน้า ลองสร้างสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อคลื่นสมองอัลฟ่าขึ้นมาครับ ลองปรับบรรยากาศให้มันดูผ่อนคลายมากขึ้น อย่าไปตั้งพิธีรีตรองให้มันตึงเกินไปนัก เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ หรือเสียงธรรมชาติที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย (เดี๋ยวนี้มีขายเยอะแยะครับ โหลดฟรีในอินเทอร์เน็ตก็ยังมี) หรือจะลองเล่าเรื่องตลกๆ เรื่องไร้สาระสักเล็กน้อยก่อนการเจรจาจริงจะเริ่มขึ้นก็ได้ ทั้งหมดนี้มันจะช่วยให้เขาเปิดโอกาสรับฟังเราได้มากและง่ายยิ่งขึ้น หรือจะลองหาโอกาศนัดคู่เจรจาธุรกิจไปออกกำลังกายเบาๆที่สโมสรออกกำลังกาย ไปงานเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆที่เป็นกันเอง หรือไปรีสอตสปาผ่อนคลายความเครียดบ้างก็ได้ครับ อย่าลืมว่าในช่วงเวลาที่แสนสบายอย่างนี้ ยิงอะไรเข้าไปก็โดนทั้งนั้นครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น