วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

ใช้ Meta Model หยุดอารมณ์แบบง่ายๆ

NLP เป็นศาสตร์ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับกับสภาวะทางอารมณ์ ความเชื่อ หรือความรู้สึกนึกคิดของผู้คน ทัศนะทางธุรกิจของ NLP นั้นให้น้ำหนักไปที่สภาวะทางอารมณ์ของบุคลากรเป็นอย่างมาก NLP เสนอว่าสภาวะทางอารมณ์หรือความคิดที่เป็น "ลบ" ทุกชนิดล้วนแล้วแต่ส่งผลให้การทำธุรกิจของเรานั้นประสบความล้มเหลวได้ทั้งสิ้น เช่นความคิดที่ว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย หรือ "ธุรกิจนี้ต้องเจ๊งแน่ๆ" ทั้งๆที่มันยังไม่เจ๊ง (พูดจริงๆแล้วมันยังไม่ได้ลงมือทำด้วยซ้ำ แล้วมันเจ๊งได้ยังไง)

NLP ตั้งคำถามว่าคนที่กำลังจมอยู่ความคิดเช่นนี้จะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจได้หรือเปล่าครับ


ในเมื่อยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แต่กลับคิดเสียแล้วว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" แล้วอย่างนี้มันจะได้ลงมือทำมั้ยครับ หรือถ้าคิดว่า "ธุรกิจนี้มันต้องเจ๊งแน่ๆ" ทั้งที่เรายังไม่รู้แน่เลยว่ามันจะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง หรือถ้าให้พูดจริงๆก็ต้องบอกว่ามันยังไม่เจ๊งซักหน่อย แต่นี่กลับเล่นสาปแช่งตัวเองล่วงหน้าเสียแล้วอย่างนี้มีหรือครับที่ธุรกิจมันจะไปรอด ก็ในเมื่อตัวเจ้าของกิจการเองยังไม่เชื่อเลย

ดังนั้นแล้วการคิดลบสำหรับการทำธุรกิจแล้วเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งครับ เพราะนอกจากจะบั่นทอนกำลังใจในการทำงานแล้ว ยังจะเป็นการบั่นทองกำลังใจของคนอื่นอีกด้วยด้วย โดยเฉพาะกับคนที่กำลังทุ่มเทแรงกายแรงใจปลุกปั้นงานชิ้นนั้นอยู่ อุปมาเหมือนทหารกล้าที่ได้ยินแม่ทัพบ่นทุกวี่ทุกวันว่า ตายแน่ๆ แพ้แน่ๆ รบไปก็มีแต่ตายอนาถ แบบนี้ทหารยังมีกำลังใจไปรบก็คงแปลกแล้วล่ะครับ เรื่องจะไปชนะข้าศึกก็ขอให้ลืมๆไปได้เลย ...ด้วยเหตุนี้การแก้ภาวะติดลบของจิตใจหรือสภาพอารมณ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ความคิดลบเป็นสิ่งที่เราห้ามให้เกิดขึ้นไม่ได้ และเมื่อเกิดความคิดลบขึ้นมาแล้วคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้กลวิธีที่จะใช้ทำลายความคิดลบเหล่านี้

โดยทั่วไป เมื่อเกิดความคิดลบ หรืออารมณ์ที่เป็นลบขึ้นมาแล้ว เราก็มักจะใช้วิธีการที่เรียกว่า "การพูดปลอบใจ" ในการแก้ใขปัญหา เช่น ชายคนหนึ่งกำลังมีความทุกข์จากเรื่องธุรกิจที่พักหลังนี้ยอดการขายชักจะตกลงมาก เพื่อนของชายคนนั้นเลยพูดปลอบเขาว่า "ไม่เป็นไรน่า อดทนอีหน่อย เดี๋ยวก็มีลูกค้าเข้ามาเอง" แต่ไม่ว่าเพื่อนของชายคนนี้จะพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าสักกี่ครั้ง ชายคนนี้กลับพบว่าเขาไม่สามารถกำจัดสภาวะอารมณ์ลบในความคิดของเขาได้เลย ดังนั้นจึงต้องทนทุกข์กับสภาพอารมณ์ลบของตัวเองไปเรื่อยๆอย่างช่วยไม่ได้ และด้วยสภาพจิตใจที่หดหู่สิ้นหวังแบบนี้มันก็ไม่แปลกเลยถ้าเขาจะไม่สามารถพบทางออกของปัญหา และในที่สุดกิจการของเขาก็ถึงกับมีอันล้มพับไปจริงๆ

โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นนี้ครับ เรามักจะแก้สภาวะความลบของตนเองด้วยการ "พูดปลอบ" แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถฉุดอารมณ์ให้พ้นจะสภาพอันย่ำแย่แบบนั้นได้ ...รู้ไหมครับว่าทำไม

เหตุที่การ "พูดปลอบ" ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็เพราะว่า มันเป็นวิธีที่อ่อนแอเกินไปยังไงล่ะครับ อุปมาเหมือนมีโจรเข้าบ้านเราแล้วเราพยามที่จะไล่โจรด้วยการพูดอย่างนิ่มนวลว่า "อย่านะครับ อย่าปล้นเราเลยนะครับคุณโจร การปล้นนั้นผิดกฏหมาย และเป็นบาปนะครับ" …โจรที่ไหนมันจะไปกลัวจริงไหมครับ

การที่จะไล่โจรเราจะต้องโหดหรือมีน้ำหนักน่ายำเกรงสักหน่อยสิครับโจรมันถึงจะหนี เราต้องตะโกนเสียงด้วยดุดันว่า "อย่าเข้ามานะ! ฉันมีปืน! ขืนเข้ามาละก็ ฉันยิงก้นแกเป็นรูๆแน่ ถ้าอยากให้ก้นมี2รูหรือมันสมองกระจายเต็มพื้นก็เชิญเข้ามาได้เลย" มันต้องแบบนี้ครับโจรมันถึงจะเกรงกลัว ก็เช่นเดียวกันกับการขจัดความคิดในแง่ลบของตัวเรา บางครั้งมันก็ไม่สามารถที่จะใช้วิธีการที่อ่อนแอในการกำจัดออกไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นการใช้มาตราการที่รุนแรงมันก็จำเป็นที่จะถูกนำมาใช้ และขอให้มั่นใจได้เลยว่ามันเป็นเทคนิคที่ได้ผลยอดเยี่ยมมากครับ ได้ผลดีเสียจนพูดอย่างภาคภูมิใจได้ว่าเลยนี่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของ NLP ก็ว่าได้ เทคนิคการหักล้างความคิดลบแบบรวดเร็วทันทีทันใจนั้น NLP เรียกว่า Meta Model ครับ

Meta model เป็นเทคนิคที่ริชาร์ด และจอห์น 2 ผู้เริ่มต้นพัฒนาศาสตร์ NLP ได้ร่วมกันวิเคราะและถอดแบบรูปแบบการใช้ถ้อยคำในการบำบัดจากนักจิตบำบัดระดับปรมาจารย์ เช่น ดร.โรเบิรต์ สปิตเซอร์ (Robert Spitzer) และ เวอจีเนีย แซไทร์ (Virgina Satir)

Meta model จะทำให้สามารถหลุดพ้นจากอารมณ์ลบได้ในทันที (จากนั้นจึงยกระดับอารมณ์ขึ้นเป็นบวกต่อไป) โดยจะใช้คำถามเป็นตัวหักล้างอารมณ์ลบนั้น เช่น เมื่อมีคนมาบอกเราว่า "ฉันไม่สามารถทำได้หรอก" ถ้าหากเราใช้วิธีการ "พูดปลอบใจ" เราก็จะบอกเขาว่า "คุณต้องทำได้อยู่แล้ว ผมเชื่อมั่นในตัวคุณนะ" ซึ่งพูดกันตรงๆเลยมันไม่สามารถหักล้างความอารมณ์ลบของเขาได้ในทันทีหรอกครับ ดีไม่ดีอาจจะเป็นการไปเพิ่มความกดดันของเขาให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วยซ้ำไป

แต่ถ้าหากเราใช้เทคนิค Meta Model เป็นตัวหักล้าง เราก็จะได้รูปประโยคการสนทนาประมาณนี้ครับ

บางคน : "ฉันไม่สามารถทำได้หรอก"
NLP : "แล้วคุณเคยทำสิ่งนั้นหรือยัง"
บางคน : "ยังครับ"
NLP : "แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าทำไม่ได้"
บางคน : ".............."

เราอาจจะเรียกเทคนิคนี้ว่าเป็นการ "ขัดคอเพื่อให้ได้คิด" ก็ได้ครับ เพราะความคิดหรืออารมณ์ลบโดนหักล้างออกไปจากระบบประสาทโดยทันทีโดยอาสัยคำถามเข้าไปเป็นตัวสะกัดความคิดแคบๆที่คลุมเครือ ผู้ถูกถามจะรู้สึกอย่างกัยว่าถูกยักษ์ตัวใหญ่กระชากออกไปจากบ่อโคลนเล็กๆที่เขาติดหล่มอยู่เสียนานทีเดียว และเมื่อสามารถพ้นออกจากวงวันแคบๆของอารมณ์ลบได้แล้ว ทีนี้เขาก็พร้อมแล้วที่จะได้รับการกระตุ้นสร้างอารมณ์ที่บวก หรือสร้างความมั่นใจด้วยเทคนิคต่างๆต่อไป ...หรืออีกตัวอย่างหนึ่งเช่น

บางคน : "ฉันน่ะเป็นคนมีชื่อเสียง ทุกคนชอบฉันหมดล่ะ" (คนนี้ต่างจากคนแรก เพราะคนนี้หลงตัวเองจนไม่ค่อยจะยอมรับฟังใครครับ)
NLP : "ทุกคนเลยๆจริงเหรอ"
บางคน : "จริงสิ"
NLP : "ไครบ้างล่ะ"
บางคน : "ทุกคนในบริษัทน่ะ"
NLP : "ก็แค่ทุกคนนบริษัทเองนี่"
บางคน : "....................."

สำหรับการนำเอา Meta Model มาใช้นั้น เราสามารถที่จะถามอะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับสถนการณ์และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่จะมีหลักง่ายๆอยู่สองสามอย่างที่จะใช้เป็นแนวทางในการตั้งคำถามครับ คือ
1. รู้ได้อย่างไร ...เช่น
บางคน : "ฉันว่าเขาต้องไม่ชอบฉันแน่เลย"
NLP : "คุณรู้ได้อย่างไร เขาเคยบอกคุณเหรอ"
บางคน : "....................."
2. เคยแล้วเหรอ ...เช่น
บางคน : "ไม่เอาหรอกฉันตื่นไม่ไหว"
NLP : "เคยตื่นแล้วเหรอ รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ไหว"
บางคน : "....................."
3. เทียบกับอะไร
บางคน : "ร้านผมลูกค้าน้อยจัง"
NLP : "จริงเหรอครับ เทียบกับอะไรครับ"
บางคน : "ร้านฝั่งตรงข้าม"
NLP : "เหรอครับ แล้วทำไมไม่ลองเทียบกับร้านตรงหัวมุมดูละครับ" (ร้านตรงหัวมุมลูกค้าน้อยกว่ามาก)
บางคน : "...........นั่นสินะครับ"

แน่นอนครับว่าตัวอย่างการสนทนาข้างต้นนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างในการจำลองการถามแบบ Meta Model เท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถใช้การถามแบบตัวอย่างข้างต้นนี่ได้เป๊ะๆกับทุกสถาณะการณ์

ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่าครับในการถามแบบ Meta model นั้นเราสามารถที่จะถามอะไรก็ได้ขอเพียงแค่ยึดหลักง่ายๆสามประการในการตั้งคำถามหักล้าง ซึ่งก็คือ

1. รู้ได้อย่างไร
2. เคยทำแล้วเหรอ
3. เทียบกับอะไร

เท่านั้นเองครับแล้วคำถามที่เราถามออกไปจะกลายเป็น Meta Model สำหรับกระชากคนให้พ้นจากหล่มความรู้สึกลบๆทันที
และถึงแม้ว่าการถามแบบ Meta Model จะดูตรงไปตรงมาและขวานผ่าซากไปซักหน่อย แต่ก็ด้วยความที่มันตรงไปตรงมานี่เองครับ เลยทำให้มันสามารถหักล้างความคิดในแง่ลบของคนอื่นได้แบบทันทีทันใดและตรงจุด เพราะฉะนั้นเมื่อทุกท่านอ่านหัวข้อนี้จบลงแล้ว เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกท้อแท้กับชีวิตหรือเจอคนที่ติดอยู่กับวังวนของอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นลบ ก็ขอให้ลองใช้ Meta Model จัดการดูครับ แล้วท่านจะพบกับผลที่น่ามหัศจรรย์



3 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดครับ จะลองทำตามดูครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ทราบว่าปีนี้จะเปิดเรียน สะกดจิตเบื้องต้นตอนไหนครับ

    ตอบลบ
  3. หลักสูตร Hypnosis-NLP ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอน อาจจะจัดอีกครั้งช่วงกลางเดือนเมษาหรือพฤษภาครับ (ราคาค่าอบรม 2 วัน 5000 บาท)
    หากสนใจหลักสูตรการอบรมของเราท่านสามารถส่ง Email ลงชื่อเอาไว้ก่อนได้ โดยส่งชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรสำหรับติดต่อกลับมาที่ Email : hypno_therapist@hotmail.com

    ตอบลบ