วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

แม่แบบความเชื่อสู่ความสำเร็จทั้งเจ็ด

นักเอ็นแอลพีได้ทำการศึกษาจากประวัติบุคคลต่างๆ แล้วพบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจะมีแนวความเชื่อที่แตกต่างออกไปจากผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงมีแนวโน้มที่จะมีความเชื่อในหลายๆ เรื่องที่เหมือนกัน จากการวิจัยนี้นักเอ็นแอลพีก็เลยทำการเปรียบเทียบเชิงสถิติแล้วสรุปออกมาเป็นสูตรสำเร็จว่าถ้าหากต้องการจะให้ชีวิตประสบกับความสำเร็จแล้วล่ะก็ จะมีความเชื่ออยู่เจ็ดข้อที่จำเป็นจะต้องปลูกฝังลงไปในจิตใต้สำนึก เรียกว่า "แม่แบบความเชื่อสู่ความสำเร็จทั้งเจ็ด"


1. "ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างมีจุดหมาย มีเหตุผล และเพื่อรับใช้เรา" หมายความว่าทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกๆ เหตุการที่เราประสบมันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างไร้จุดหมาย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุข ผิดหวังหรือสุขสมหวังล้วนแล้วแต่เป็นบรรไดให้เราใช้ก้าวไปข้างหน้า แม้แต่ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดที่เราอาจจะพบได้ในชีวิตมันไม่เกิดขึ้นมาเพื่อทำให้เราอ่อนแอ ท้อแท้ สิ้นหวัง แต่มันเกิดขึ้นมาเพื่อทำให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง และนี่ก็เท่ากับว่าข้อผิดพลาดในชีวิตของเรากำลังถูกปิดลงไปอีกหนึ่งช่อง ชีวิตของเรากำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นอีกหนึ่งระดับ

2. "ไม่มีความล้มเหลว มีแต่ผลลัพธ์ที่ได้" หมายความว่าความล้มเหลวทั้งหลายทั้งปวงที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แท้จริงแล้วมันไม่มี เพราะอารมณ์ความรู้สึกที่หดหู่สิ้นหวังมันเป็นเพียงการตีความหมายของระบบประสาทต่อเหตุการณ์ที่เราประสบเท่านั้น ในตเมื่อแผนที่ไม่ใช้แผ่นดินจริงๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ผลจากเหตุการณ์นั้นจิงๆ เช่นกัน เมื่อเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าเราจะมีสภาพอารมณ์ต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไรมันก็ค่าเท่ากัน อารมณ์ก็คือเรื่องของปฏิกริยาของระบบประสาท ส่วนเหตุการณ์ก็ยังคงดำเนินไปตามวิถีทางของมัน ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไส่ใจต่อสภาพอารมณ์ที่เป็นลบที่มีแต่จะบั่นทองศักยภาพการทำงานของเรา เมื่อเกิดสภาพอารมณ์ที่เป็นลบขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เราต้องจะต้องทำจริงๆ ก็คือ "หยุด" แล้ว "สร้าง" สภาพอารมณ์ขึ้นมา จากนั้นก็ไปทำเหตุการณ์ให้สมบูรณ์ตามวิถีของมัน อย่าลืมว่าเอ็นแอลพีมีวิธีมากมายก่ายกองที่จะช่วยมให้เราลบแล้วสร้างสภาพารมณ์ขึ้นมาใหม่ได้ตามที่ต้องการ

3. "จงรับผิดชอบ ในทุกสิ่งที่ลงมือทำ" กล่าวกันว่าความรับผิดชอบคือพลังอำนาจที่แท้จริงของผู้นำ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทั้งสิ้น ดังนั้นหากขาดพลังอำนาจของผู้นำไปแล้วล่ะก็การที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตคงไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดได้ง่ายนัก จากความเชื่อที่สองเรารู้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นเพียงความรู้สึกหรือผลที่เกิดจากระบบประสาทเมื่อระบบประสาทรับรู้ข้อมูลที่เป็นเหตุการณ์ สิ่งมีโดยแท้จริงมีเพียง "ผลลัพพ์" ที่ได้จากการกระทำ ผลนั้นเกิดจากเหตุที่เรากระทำลงไป ดังนั้นไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอให้เรารับผิดชอบมันให้ถึงที่สุดก็พอแล้ว อย่าลืมว่า (ความรู้สึก) ล้มเหลวนั้นไม่มีจิง แต่ผลจากการะทำเป็นที่จริงแท้แน่นอน และเมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องสานต่อไปให้มันจบ การสานต่อไปให้ถึงจุดจบของมั่นนั่นแหละที่เรียกว่า "ความสำเร็จ"

4. "ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกแง่ทุกมุมก่อนจะลงมือใช้มัน" บางครั้งคนเราก็มักยึดติดกับเรื่องที่ปลีกย่อยหยุมหยิมมากเกินไปจนทำให้พลาดโอกาสที่สำคัญในชีวิต คำว่าจำเป็นจะต้องรู้แจ้งอย่างลึกซึ้งก่อนลงมือทำนั้นเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับใช้ในการผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าไม่รู้แจ้งก็ไม่ลงมือทำ ปัญหาคือเมื่อไหร่กันที่เราจะรู้แจ้งรู้ซึ่งทุกแง่มุมในเมื่อการ "รู้" ของเรานั้นมันสมารถขยายและต่อยอดออกไปได้อย่างไม่มีขอบเขต วันแล้ววันเล่าจึงถูกปล่อยให้ผ่านอย่างไร้ประโยชน์ด้วยข้ออ้างว่ายังไม่รู้แจ้งจบสิ่งนั้นอย่างแท้จริง เอ็นแอลพีเสนอว่า "อย่ารอ" และ "จงลงมือทันที" อย่างเอาความไม่รู้เป็นข้ออ้างเพราะว่าความรู้เป็นเรื่องที่ไม่มีขอบเขต ตราบใดที่เรายังไม่ลงมือ "ทำ" มันก็ไม่มีวันที่จะ "รู้" และที่สำคัญก็คือเราสามารถที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งได้ในระหว่างที่เรากำลังลงมือทำมัน ซึ่งมันยอดเยี่ยมกว่าการรู้โดยไม่ได้ลงมือทำอยู่มากโขทีเดียว

5. "บุคคลที่เป็นเลิศคือขุมทรัพย์ที่เป็นเลิศ" ทุกสิ่งเกิดขึ้นและเนินไปได้ก็เพราะมีบุคคลเข้าไปกระทำ ถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุด ทรงพลังที่สุด และมีราคาแพงที่สุดหากไม่มีบุคลากรที่มีความสามารถในการใช้ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว เครื่องซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ยังจะมีประโยชน์น้อยกว่าตู้เย็นใยเล็กๆ ด้วยซ้ำไป ผู้ที่ประสบความเร็จจะทราบดีว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถอีกแล้ว อย่าลืมว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมดด้วยคนๆ เดียว การทำงานเป็นทีม การมีผู้ช่วย มันทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงกว่าการทำงานแบบฉายเดี่ยวมาก ดังนั้นหากต้องการความสำเร็จ ทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถก็คือปัจจัยที่เราจะต้องให้ความสำคัญสูงสุด ขอให้เชื่อมั่นว่าทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถจะสามารถช่วยให้เราย่นระยะเวลาที่จะใช้สู่ความสำเร็จได้หลายเท่าตัว

6. "งานก็คือการเล่นสนุก" มันเป็นธรรมดาอย่างมากที่จะกล่าวว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จจากการทำสิ่งที่เขาเกลียด ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักทำในสิ่งที่เขารักและประสำความสำเร็จจากสิ่งที่เขารักทั้งสิ้น ถ้าต้องการความสำเร็จมันก็มีตัวเลือกที่ว่า "จงทำเฉพาะสิ่งที่เราสนุก" หรือ "จงสนุกกับสิ่งที่เราทำ" จะเลือกแบบใหนก็ได้แต่ที่สำคัญคือจงสนุก หรือมีความสุขที่ได้ทำมัน แล้วความสำเร็จจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

7. "ไม่มีความยั่งยืนหากไม่ทุ่มเท" กล่าวกันว่าสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นฉลาด ไม่จำเป็นจะต้องตัวใหญ่หรือเร็ว ไม่จำเป็นจะต้องมีความสง่างาม แต่ที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องมีก็คือความ "ทุ่มเท" ในสิ่งที่เขาทำ จากความเชื่อข้อที่ 6 เราเลือกที่จะทำงานด้วยความสนุกนี่ช่วยให้เราสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจกับมันได้อย่างไม่มีวันเน็จเหนื่อย นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้เราไปถึงจุดแห่งความสำเร็จ และถึงแม้ว่าจะได้พาตัวเองมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จแล้ว หากเรายังคงทุ่มเททำมันต่อไป นี่จะทำให้ความสำเร็จของเราไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จชั่วครั้งชั่วคราว หากแต่เป็นความสำเร็จที่มั่นคงสืบไปตราบที่เรายังคงสนุกและทุ่มเทกับมัน.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น